ท่ามกลางแสงแดดยามเช้าที่สาดส่องผ่านแนวไม้ในป่าลึกของบ้านแม่เหมืองหลวง เงาของชายหญิงชาวปกาเกอะญอกว่า 30 คน กำลังเคลื่อนไหวไปมาบนพื้นที่ลาดชัน มือของพวกเขาจับจอบ เสียม และมีดพร้า ทำงานอย่างขันแข็งเพื่อสร้าง “แนวกันไฟ” อันเป็นปราการสำคัญในการปกป้องป่าและถิ่นฐานของพวกเขา

ในพื้นที่ป่าภาคเหนือของประเทศไทย ไฟป่ามักเกิดขึ้นเป็นประจำในช่วงฤดูแล้ง ทั้งจากสาเหตุตามธรรมชาติและจากกิจกรรมของมนุษย์ ซึ่งสามารถลุกลามสร้างความเสียหายให้แก่ระบบนิเวศ ดิน น้ำ และความมั่นคงของชุมชน แนวกันไฟเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ใช้ควบคุมและป้องกันการลุกลามของไฟ โดยอาศัยภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาติพันธุ์ที่มีความเข้าใจเกี่ยวกับป่าไม้และสภาพแวดล้อมเป็นอย่างดี

การจัดทำแนวกันไฟของชาวบ้านแม่เหมืองหลวง ไม่ใช่เพียงแค่การทำงานหนักเพื่อป้องกันไฟป่า แต่เป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพและบทบาทของชุมชนในการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติของพวกเขาเอง พวกเขารู้ดีว่า “ป่า” ไม่ใช่เพียงแค่ต้นไม้ แต่เป็นแหล่งอาหาร น้ำ ยารักษาโรค และเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต ที่เชื่อมโยงกับความเชื่อ วัฒนธรรม และจิตวิญญาณของพี่น้องที่นี่

ในวันที่ 17 มีนาคม 2568 นี้ ชาวบ้านสามารถสร้างแนวกันไฟที่ครอบคลุมพื้นที่กว่า 800 ไร่ นี่ไม่ใช่เพียงตัวเลขที่บ่งบอกถึงขนาดของพื้นที่ที่ได้รับการปกป้อง แต่มันสะท้อนถึงพลังของชุมชนที่สามารถรวมตัวกันเพื่อปกป้องบ้านและทรัพยากรของพวกเขาเองได้ นี่คือรูปธรรมของ “การจัดการทรัพยากรโดยชุมชน” ที่ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่คือความจริงที่เกิดขึ้นบนผืนดิน การทำแนวกันไฟเป็นมากกว่ามาตรการป้องกันภัยพิบัติ แต่เป็นสัญลักษณ์ของ “การอยู่ร่วมกันของมนุษย์กับป่า” อย่างสมดุลและยั่งยืน มันเป็นหลักฐานว่าชุมชนท้องถิ่นมีศักยภาพในการบริหารจัดการทรัพยากรของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นตัวอย่างที่ควรค่าแก่การสนับสนุนและขยายผลไปยังพื้นที่อื่น ๆ

ท่ามกลางสถานการณ์ไฟป่าที่ทวีความรุนแรงในหลายพื้นที่ การสนับสนุนให้ชุมชนท้องถิ่นมีบทบาทนำในการดูแลป่าจึงเป็นแนวทางที่สำคัญ ไม่ใช่แค่เพื่อลดความเสี่ยงจากไฟป่า แต่เพื่อให้ป่าได้คงอยู่ และให้ชุมชนมีชีวิตที่มั่นคงในแผ่นดินที่พวกเขารักและปกป้องมาตลอดหลายชั่วอายุคน