การจัดทำแผนที่ชุมชน ประวัติการใช้ประโยชน์ที่ดินนั้น เป็นกระบวนการที่สำคัญต่อการจัดการทรัพยากรและสิทธิที่ดินของชุมชน ทั้งช่วยสร้างหลักฐานยืนยันสิทธิ ว่ามีประวัติการใช้ที่ดินนั้น ๆ มีการใช้ประโยชน์ตั้งแต่บรรพบุรุษ แล้วยังสนับสนุนการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน จนนำไปสุ่การลดความขัดแย้งโดยการมีส่วนร่วมของชุมชนและหน่วยงานในพื้นที่
เครือข่ายลุ่มน้ำแม่ต๋ำ(ตอนบน) ตำบลท่าก๊อ อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ประกอบด้วย 9 ชุมชน ชนเผ่าพื้นเมือง ทั้งอ่าข่า ลาหู่ ปกาเกอะญอ จีน ฯลฯ จึงร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลท่าก๊อ และหน่วยงานป่าไม้ โครงการหลวง จัดเวทีคืนข้อมูลการจัดทำแผนที่ชุมชน ประวัติการใช้ที่ดินรายแปลง ให้กับชุมชนในเครือข่ายลุ่มน้ำแม่ต๋ำ พร้อมหารือแนวทางการใช้กฎระเบียบกติกา ในการจัดการทรัพยากรและที่ดินร่วมกันทั้งระดับชุมชน ระดับเครือข่ายลุ่มน้ำ
นายมานพ บุญยืนกุล ประธานเครือข่ายลุ่มน้ำแม่ต๋ำ กล่าวว่า “เป้าหมายการจัดทำข้อมูลคือการรักษาป่าของลุ่มน้ำแบบที่ได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วน ทั้งชุมชน ภาครัฐและเอกชน เพราะการทำประวัติการใช้ที่ดินเป็นการทำประวัติว่ามีการใช้ประโยชน์ที่ดินตรงนั้น ตั้งแต่เมื่อไหร่ มีการทำอะไรมาแล้วบ้างและต้องพัฒนาอย่างไรต่อไป ที่ผ่านมามีการต่อสู้มานับสิบกว่าปี และวันนี้เป็นการเปิดตัวให้ทุกคนได้รู้ว่าเราจะเดินต่อไปในทิศทางไหน เพื่อให้หน่วยงานในพื้นที่ จะได้เข้าใจและร่วมช่วยกันพัฒนา”

โดยเครือข่ายลุ่มน้ำแม่ต๋ำนั้น ได้ทดลองจัดทำข้อมูลแผนที่ชุมชนทั้ง 9 ชุมชน มานับ 10 ปี จนได้รวมตัวกันเป็นเครือข่ายลุ่มน้ำ นอกจากนั้นยังมีความพยายามค้นหาข้อเท็จจริง โดยการเปรียบเทียบภาพถ่ายตามระเบียบของป่าไม้ ปี 45 ถึงปี 57 โดยเน้นกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนกับหน่วยงานในพื้นที่ ตั้งแต่กระบวนการในการเดินรังวัดพื้นที่ ตรวจสอบข้อมูล ประชาคมชุมชน ประชาพิจารร่วม
นายสันธาน ชายเดช กำนันตำบลท่าก๊อ เล่าเรื่องนี้ว่า“การทำแผนที่นี้ทำให้หน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่ได้รับรู้ว่าป่าอยู่ตรงไหน พื้นที่ทำกินอยู่ตรงไหน พื้นที่หมู่บ้านและพื้นที่สำคัญมีเท่าไหร่อยู่ตรงไหนบ้าง เพื่อให้มีความชัดเจน เพื่อให้คนอยู่กับป่าได้ และไม่มีการบุกรุกเพิ่ม ซึ่งเป็นการดีกับหน่วยงานในพื้นที่ในการบริหารจัดการ ไม่ว่าจะเป็น เจ้าหน้าที่ป่าไม้ โครงการหลวง หน่วยจัดการต้นน้ำ รวมทั้งยังดีต่อการเฝ้าระวังไฟป่าและหมอกควัน เพราะพื้นที่นี้ชาวบ้านนั้นทำกินมาหลายชั่วอายุ เมื่อก่อนบ้างครั้งยังมีการขัดแย้งกันบ้าง แต่ตอนนี้ได้ขับเคลื่อนกันทำแผนที่ประวัติการใช้ที่ดิน ซึ่งอาจจะยังไม่มีผลในทางกฎหมาย แต่ก็มีส่วนที่ดีในการจัดการพื้นที่ให้มีความชัดเจน ซึ่งได้มีหน่วยงานสมาคม IMPECT เข้ามาสนับสนุนพร้อมด้วยหน่วยงานอื่นๆ”

ทางด้าน นายรัสชณพงษ์ รัตนะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าก๊อ แสดงความเห็นในทิศทางเดียวกัน คือ การทำแผนที่ชุมชนและประวัติศาสตร์ เป็นการบันทึกเรื่องราวเพื่อลดปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ “การอยู่อาศัยของชาวบ้านท่าก๊อส่วนมากอยู่ในพื้นที่ป่าไม้ พื้นที่อุทยาน ซึ่งมีประวัติการการใช้พื้นที่ดินทั้งแต่รุ่นพ่อแม่ ปัจจุบันต้องมีการร่วมมือและสามัคคีกัน เพื่อหาแนวทางในการบริหารจัดการ เมื่อมีนโยบายมาก็ต้องมีการร่วมกัน เจ้าหน้าที่ต้องเข้าใจชาวบ้านและต้องมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อให้เกิดความร่ววมมือกันได้ยั่งยืน”

สำหรับจุดเริ่มต้นของการริเริ่มจัดทำแผนที่ชุมชนนั้น นายก่อชิ เพชรไพรพนาวัลย์ นายกเทศมนตรีตำบลบ้านหลวง ได้เล่าว่า “เทศบาลบ้านหลวง เริ่มต้นจากที่เมื่อก่อนเกิดเหตุความขัดแย้งกันระหว่างคนเมืองและคนบนดอยเนื่องจากในตอนนั้นมีการเกิดไฟป่าอย่างมาก น้ำแห้งแล้ง ทำให้ชาวบ้านประท้วงกันอย่างรุ่นแรง มีการปิดกั้นถนนไม่ให้เข้าออกพื้นที่ มีการกล่าวว่าคนบนดอยทำลายป่า ทำให้เกิดไฟป่าและน้ำแห้ง มีการประทวงทั้งที่เชียงใหม่และกรุงเทพ จึงได้เกิดความคิดเห็นว่า ท้องถิ่นและชุมชนต้องมีการลุกขึ้นมาจัดการตนเอ งเพราะถ้ารอให้มีหน่วยงานมาจัดการก็จะไม่ถูกใจ เพราะไม่เข้าใจบริบทของชุมชน จึงมีการปรึกษาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมให้ความช่วยเหลือ จึงได้ข้อสรุปว่าต้องมีการออกเทศบัญญัติ ต้องมีการทำประชาพิจารณ์และรับรองร่วมกัน จึงได้เกิดการจัดทำแผนที่ การจัดทำประวัติการใช้ที่ดิน เมื่อจัดทำแล้วทำให้ปัญหาลดลง และไม่มีความขัดแย้งเพราะมีการร่วมมือกันหลายภาคส่วนทั้ง ภาครัฐ โครงการหลวง และหน่วยงานเกษตรอำเภอ เพื่อใช้แผนที่นี้ในการบริหารจัดการพื้นที่ต่อไป ซึ่งคิดว่าการจัดการแบบนี้เป็นสิ่งที่ดีที่จะช่วยให้หน่วยงานทำงานได้ดียิ่งขึ้น ในระดับต่อไปอาจต้องให้เข้าสู่กรมพัฒนาที่ดิน จัดทำแผนที่การเสียภาษีที่ดิน เพื่อนำไปช่วยเหลือและพัฒนาชุมชนพัมนาประเทศชาติต่อไป”
ขณะที่ตัวแทนหน่วยงานรับผิดชอบดูแลทรัพยากรหลักหน่วยป่าไม้แม่สรวย โดยนายฐานันดร หอมนาน หัวหน้าหน่วยฯ ซึ่งได้มาร่วมในกิจกรรมแสดงความเห็นสนับสนุนว่า “ถ้าเมื่อก่อนจะมีการจับกุมชาวบ้าน แต่หลัง ๆ มีการขอความร่วมมือชาวบ้านในการดับไฟป่า การปลูกป่า ในส่วนของการรับรองข้อมูลมันอยู่ที่เจตนาของการทำ ซึ่งคิดว่า ข้อดีนี้จะทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานง่ายขึ้น เพราะถ้ามีการบุกรุกจะเห็นได้ชัดเจน อีกอย่างคือที่ผ่านมายังมีความขัดแย้งในที่ดิน ถ้ามีการจัดทำแผนที่และบันทึกการใช้งานที่ชัดเจน ก็จะดีต่อการจัดการและเป็นประโยชน์หากเกิดการแย่งชิงพื้นที่ ในส่วนของเจ้าหน้าที่ป่าไม้มีข้อจำกัดทั้งเรื่องจำนวนเจ้าหน้าที่ และเรื่องงบประมาณจะทำการตรวจสอบแผนที่ทั้งตำบลคงไม่ได้ การทำแผนที่นี้จึงช่วยให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ง่ายขึ้น”
ท้ายที่สุด ผู้อำนวยการสมาคมศูนย์รวมการศึกษาและวัฒนธรรมของชาวไทยภูเขาในประเทศไทย นางนิตยา เอียการนา ในฐานะหน่วยงานสนับสนุนการจัดทำแผนที่และการมีกิจกรรมเพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน ระบุว่าหัวใจสำคัญของการดำเนินงานคือ ยืนยันสิทธิของพี่น้องชนเผ่าพื้นเมือง
“การจัดทำข้อมูลชุมชน การจัดการทรัพยากรและแผนที่ประวัติการใช้ที่ดินจะมีประโยชน์และสามารถต่อยอดไปถึงการประกาศพื้นที่คุ้มครองตาม พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ ที่เป็นกฎหมายที่มีส่วนร่วมในการผลักดันของชนเผ่าพื้นเมือง ซึ่งในกฎหมายนั้นมีมาตรา 9 ที่พูดถึงสิทธิของชนเผ่าพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่า ที่เขียนไว้ว่า กลุ่มชาติพันธุ์มีสิทธิในที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามความจำเป็นต่อการดำรงชีพ ซึ่งชุมชนในเครือข่ายลุ่มน้ำแม่ต๋ำมีการจัดการที่ดีและมีข้อมูล ก็จะมีการสนับสนุนและคุ้มครองที่ต้องมีหน่วยงานภาครัฐเข้ามามีร่วมจัดการด้วย”

หลักการสำคัญคือการจัดการข้อมูลแผนที่การใช้ประโยชน์ที่ดินและทรัพยากรสิ่งแวดล้อมร่วมระหว่างชุมชน เครือข่ายลุ่มน้ำ และหน่วยงานในพื้นที่ ในการจัดการร่วมนี้จะนำไปสู่การจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดีและการจัดการทรัพยากรและที่ดินที่ชัดเจน นำไปสู่การพัฒนาฐานข้อมูลที่ชัดเจนและเป็นประโยชน์ในการจัดการที่ดิน ถ้าหากชุมชนไม่มีการจัดการต่อ ไม่มีการบังคับใช้กฎกติกาข้อตกลงร่วมกันต่อก็จะไม่มีความยั่งยืน ที่สำคัญหน่วยงานท้องถิ่นในพื้นที่ต้องใช้ข้อมูลนี้ในการบริหารจัดการทรัพยากรสิ่งแวดล้อมและที่ดิน รวมถึงต้องมีแผนติดตามต่อไปว่าการใช้ประโยชน์พื้นที่มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ มีการเปลี่ยนคนถือครองหรือไม่ รวมถึงการติดตามเชิงงานวิจัยการเปลี่ยนแปลงความหลากหลายทางชีวภาพ ที่มีตัวชี้วัดชัดเจนซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำให้เกิดขึ้น เพราะการดูแลสิ่งแวดล้อมไม่ได้ทำเพื่อแค่ผลประโยชน์ของ แต่เป็นประโยชน์ต่อคนรุ่นหลังด้วย