สาวิตรี แซ่ว่าง

ชนเผ่าอ่าข่า มีธรรมเนียมปฏิบัติในผู้หญิงและชายที่เกิดมา จะได้รับสิ่งของเครื่องแต่งกายสืบทอดต่อกันรุ่นต่อรุ่น แม่ย่า หรือ คนเฒ่าคนแก่ในครอบครัวจะทำหมวกเพื่อรับขวัญ เหมือนว่าเด็กที่ได้เกิดมาคือสิ่งที่มีค่าและเป็นของขวัญจากบรรพบุรุษให้ดำรงเผ่าพันธุ์ โดยผู้เป็นแม่เป็นผู้ถ่ายทอด สั่งสอน หญิงชาวอ่าข่า จึงเป็นผู้หนึ่งที่มีฝีมือและความชํานาญเป็นเลิศในการปักลาย ผ้าที่มีความละเอียดและงดงามมากที่สุดไม่แพ้หญิงชนเผ่าอื่นๆ งานปักของชนเผ่าอ่าข่าใช้สีสันสดใสสวยงาม ลวดลายปักบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ระหว่างชีวิตมนุษย์และธรรมชาติ และยังสืบทอดลวดลายการปักลงบนผืนผ้าต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน มีจุดเด่นที่หมวกโลหะ สีเงิน และเครื่องประดับบนศรีษะทั้งที่เป็นผ้าคลุมปักสีสันลวดลายสดใส และเครื่องเงินหรือโลหะที่ประดับ ประกอบในรูปแบบต่างๆ (ชนเผ่าอ่าข่าแต่ละกลุ่มในประเทศไทยอาจมีรูปแบบและลักษณะหมวกและเครื่องประดับบนศรีษะที่แตกต่างกัน)

การเดินทางมาถึงหมู่บ้านแม่จันใต้ในยามค่ำคืน สิ่งแรกที่ฉันได้สังเกตและมองเห็นได้อย่างชัดเจนบนหัวของกลุ่มแม่บ้านที่จัดเตรียมอาหารเพื่อต้อนรับคณะกลุ่มของฉัน เป็นผ้าคลุมหัวสีชมพูขาว และสีแดงขาว ที่ดูสะดุดตามากที่สุด และชวนให้น่าหลงใหล รู้สึกแปลกใหม่ เป็นสิ่งที่ฉันสนใจมาก นั่นคงเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งที่ฉันมองเห็นได้จากหญิงชาวอ่าข่าของที่นี่ ฉันได้เริ่มคิดคำถามเกี่ยวกับผ้าคลุมหัวทันที วันต่อมาฉันเริ่มต้นถามคำถามกับคุณแม่หมีมี จือปา ชาวอ่าข่า อายุ 54 ปี ฉันได้ถามคุณแม่หมีมีว่า คุณแม่ช่วยเล่าที่มาของผ้าคลุมหัวที่ผู้หญิงทุกคนใส่ให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ คุณแม่หมีมีได้เล่าว่าสมัยก่อนหญิงชาวอ่าข่าทุกคนจะใส่หมวกโลหะสีเงินที่เป็นจุดเด่นของการแต่งกายของชาวอ่าข่ารวมถึงชุดเต็มยศในการใช้ชีวิตตลอดทั้งวัน ใส่ตลอดทุกกิจกรรม ตั้งแต่การทำอาหาร การทำไร่ทำสวน การประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ของชุมชน คุณแม่หมีมีได้พูดว่า “ถ้าไม่ใส่หมวกก็ไม่สามารถเสริฟ์อาหารกับบริการสามีหรือแขกได้” เพราะการใส่หมวกช่วยเก็บผมได้ดี มีความเหมาะสมสุขภาพ และช่วยรักษาสะอาด เมื่อต้องทำอาหารหรือเข้าร่วมงานพิธีกรรม และในยุคนั้นไม่มีผลิตภัณฑ์ในการทำความสะอาดผม ทำให้ต้องตัดผมสั้นที่สามารถทำความสะอาดได้ง่าย แต่การตัดผมสั้นนั้นทำให้ต้องใส่หมวกเพื่อปกปิดใว้ คุณแม่หมีมีก็ได้เล่าต่อมาในยุคปัจจุบันว่าทุกวันนี้ได้เปลี่ยนมาใส่ผ้าคลุมหัวแทนหมวก เพราะหมวกโลหะสีเงินมีความหนักไม่สะดวกกับวิถีชีวิตในปัจจุบัน สิ่งที่คุณแม่หมีมีได้เล่าทำให้ฉันนึกถึงความหนักของหมวกโลหะสีเงิน ถ้าฉันต้องใส่มันตลอดทั้งวัน แต่รู้สึกดีที่ปัจจุบันได้เปลี่ยนมาใส่ผ้าคลุมหัวแทนหมวกโลหะ ผ้าคลุมหัวสีชมพู ขาว แดง ที่ดูธรรมดา สีสันสวยงามที่มีลักษณะเหมือนกัน ลวดลายคล้ายกัน แต่ความจริงนั้นเปรียบเหมือนมงกุฎที่ใช้ป้องกันสิ่งสกปรกต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี สีและลวดลายของผ้าขึ้น อยู่กับความชอบส่วนตัว ไม่ได้มีลักษณะเฉพาะ และใส่ตั้งแต่เด็กผู้หญิงไปถึงผู้ใหญ่ คุณแม่หมีมีกล่าวกับฉัน ฉันสังเกตเห็นว่ารุ่นแม่ๆจะชอบใส่กันมาก แทบจะทุกคนที่ฉันพบเจอ รุ่นแม่ทุกคนจะใส่ตลอดเวลา มีความโดดเด่นเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนกับชนชาติพันธุ์อื่นจริง ๆ

ฉันรู้สึกได้เลยว่า ผ้าผืนนี้ดูพิเศษ มีคุณค่ามาก ที่ทำให้รุ่นแม่ไม่คิดที่จะทิ้งมันไป อยากจะพกพาไปทุกที่ เชื่อได้เลยว่ารุ่นแม่ทุกคนจะมีผ้าคลุมหัวลักษณะเดียวกันที่สั่งซื้อมาจากจีนแดงอย่างน้อยคนละ 2-3 ผืน ฉันก็ถามคุณแม่หมีมีถึงความรู้สึกของการใส่ผ้าหลุดหัว การใส่ผ้าคลุมไม่ได้ใส่เพื่อความสวยงาม แต่ใส่เพื่อกันลม กันแดด และสร้างความอบอุ่นในเวลาหนาวได้ นี่คือความรู้สึกของคุณแม่หมีมีที่กล่าวกันฉัน เมื่อฉันเดินไปตามบ้านต่าง ๆ ของหมู่บ้านนี้ก็มีลูกสาวของคุณแม่คนหนึ่งพูดกับฉันอีกว่า “แม่ของเขาไม่เคยถอดใว้ ใส่ตั้งแต่เช้า จนเข้านอน” ก็ทำให้ฉันยิ่งรับรู้ได้เลยว่าผ้าผืนนี้ขาดไม่ได้เลยจริง ๆ สำหรับรุ่นแม่ ๆ นับได้เลยว่านี่คือมงกุฎอันทรงคุณค่าของผู้หญิงชาวอ่าข่าที่อยู่คู่กับเขาได้ตลอดเวลา